วัดพระธาตุเบ็งสกัด

เป็นวัดเก่าแก่ของ อำเภอปัว จังหวัดน่าน สถาปัตยกรรมแบบไทลื้อ
Image

วัดพระธาตุเบ็งสกัด
อำเภอปัว จังหวัดน่าน

วัดพระธาตุเบ็งสกัด ตั้งอยู่บ้านแก้ม หมู่ที่ 5 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน เป็นสถาปัตยกรรมไทยลื้อ ที่ได้มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบหลายครั้งลักษณะวิหารเป็นทรงสูงแต่หลังคาจะกดต่ำแบบช่างล้านนาเดิม มีลาดบัวที่ฐานตอนล่างของพระวิหาร ด้านข้างของวิหารเจาะหน้าต่างเป็นบานเล็ก ๆ แคบ ๆ หน้าวิหารมีลักษณะเป็น มุขโถงโล่ง ๆ ภายในวิหาร ซึ่งภายในประกอบด้วยเสา เรียงสองแถว ตรงสู่แท่นฐานชุกชี ประตูด้านหน้าวิหาร เป็นประตูใหญ่กว้างและสูงประกอบด้วยลวดลายปูนปั้นผสมผสานระหว่าง ศิลปะเก่ากับใหม่ เจดีย์พระธาตุเป็งสะกัด ความหมายของพระธาตุตามตำนาน หมายถึง สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากบ่อดินที่ใช้ไม้แหย่ ลงไป แล้วไม้ขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนมีอะไรมากัดให้ขาด และมีลำแสงเกิดขึ้น เจดีย์เป็นรูปทรงฐานระฆังคว่ำ เป็นมุมแปดเหลี่ยมลดหลั่น กัน เป็นชั้น ๆ ไม่มีลวดลายเป็นศิลปะแบบพะเยา หรือที่เรียกว่าเจดีย์ ทรงพะเยา ซึ่งมีมากที่พะเยา เชียงราย และบริเวณแถบภาคเหนือ ตอนบน ภายในองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งถือเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชุมชน เป็นสถาปัตยกรรมของช่างน่าน วัดตั้งอยู่บนเนินสูงมองเห็นหมู่บ้านอยู่เบื้องล่าง ด้านหลังเป็นเนินเขา นับเป็นการเลือกสรรชัยภูมิที่ส่งให้วัดดูโดดเด่นเป็นสง่า หากมาช่วง ฤดูฝนจะมองเห็นนาข้าวเขียวขจีของหมู่บ้านเบื้องล่าง

      มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับองค์พระธาตุซึ่งปรากฏในสมุดข่อย กล่าวว่า เมื่อครั้งที่พญาภูคาต้องการจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ให้แก่บุตรบุญธรรม จึงได้ให้ผู้คนไปหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่ จนกระทั่งได้ที่บริเวณแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พอพระทัย แล้วสร้างเมืองขึ้นใหม่ ตั้งให้ขุนฟองเป็นผู้ครองเมือง ขนานนามว่า “เมืองวรนคร” พญาภูคาทรงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ประสงค์จะสร้างเจดีย์ไว้ใกล้กับเมืองใหม่ จึงได้ให้ผู้คนไปหาบริเวณที่เหมาะสมเพื่อสร้างเจดีย์ จึงพบบริเวณที่ดินเป็นลานกว้างมีบ่อน้ำอยู่ตรงกลางกว้างประมาณ 1.5 เมตร

พญาภูคาได้เสด็จไปดูและนำไม้รวกแหย่ลงไปในบ่อนั้น ปรากฏว่าไม้ที่แหย่ลงไปขาดเป็นท่อน ๆ เมื่อเห็นอัศจรรย์จึงรับสั่งให้สร้างพระเจดีย์ครอบบ่อน้ำ ซึ่งสร้างขึ้นแบบธรรมดาขนาดกว้าง 7 เมตร สูง 20 เมตร พร้อมกับสร้างวิหารหลังหนึ่งอยู่ในแนวเดียวกับองค์เจดีย์ เมื่อสร้างเจดีย์แล้วเสร็จในปี พ.ศ.1826 จึงไดเชิญนายญาณะ อุปสมบทเป็นเจ้าอาวาส ทำพิธีฉลองพร้อมเมืองใหม่ ในตอนกลางคืนของงานฉลองนั้นได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น ปรากฏแสงไฟเรืองรองพุ่งออกมาจากยอดพระธาตุ เมื่อเห็นดังนั้น พญาภูคาจึงได้ตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดพระธาตุเบ็งสกัด” หลังจากนั้นมาสมัยขุนฟองครองเมืองวรนคร ท่านก็ได้บำนุบำรุงวัดพระธาตุเบ็งสกัดจนสิ้นรัชสมัย

เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดพระธาตุเบ็งสกัด จะพบโบราณสถานของวัด ได้แก่ พระวิหาร ซึ่งสร้างอยู่ติดกับองค์เจดีย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารปิดมีหลังคา 2 ชั้น 2 ตับ มุงด้วยแป้นเกล็ดเป็นศิลปะแบบไตลื้อ ส่วนองค์เจดีย์เป็นงานสถาปัตยกรรมของช่างชาวน่าน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยของพญาภูคา ประมาณปี พ.ศ.1826 องค์พระธาตุได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยของพญาอนันตยศ มีการบูรณะลายทองเสาวิหารและเพดาน แท่นพระประธาน รวมถึงสร้างกำแพงแก้วรอบองค์พระธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2400 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2487 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดพระธาตุเบ็งสกัดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 61 ตอนที่ 65 ต่อมาในปี พ.ศ.2533 คณะกรรมการหมู่บ้านโดยนายสุชาติ พลจร ผู้ใหญ่บ้านแก้ม ได้ทูลเกล้าถวายฏีกาแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอพระราชทานจัดหาทุนทรัพย์ซ่อมแซมพระวิหารซึ่งชำรุดทรุดโทรมมาก จนกระทั่งปี พ.ศ.2536 กรมศิลปากร ได้ทำการตรอวจสอบและทำโครงการบูรณะวิหารวัดพระธาตุเบ็งสกัด จนได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2538 หากมีโอกาสเดินทางไปยังอำเภอปัว จังหวัดน่าน ลองแวะไปนมัสการองค์พระธาตุเบ็งสกัด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวไตลื้อแห่งเมืองปัว

บทความโดย : จักรพงษ์ คำบุญเรือง

สถาปัตยกรรมแบบไทลื้อ

วัดพระธาตุเบ็งสกัด อำเภอปัว จังหวัดน่าน

Our Gallery

Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image

ที่อยู่

บ้านแก้ม หมู่ 5 ตำบลวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่าน
รหัสไปรษณีย์ 55120

เวลาเปิดทำการ

ทุกวันเวลา 9.00 น. - 17.00 น.

ติดต่อ

โทรศัพท์ : 085 032 5003
Facebook :

ตำแหน่งที่ตั้งบน Google Map